นโมตัสสัตถุ ᪩ สหัสสะทิปัง ปูเชนติอิทังสัตถาเชตะวัณเณวิหะรันโตสะหะมะทังทิปังปูชานิสังสะอะรัณณะกะถาเถสิ พระพุทธเจ้าอยู่สำราญในป่าเชตวันอาราม ก็ปรารบเซิ่งอานิสงส์อันตามประทีปหื้อเป็นเหตุแล้วก็เทสนาหั้นแล เมื่อนั้นเจ้าภิกขุทังหลาย หันมหาเถรเจ้าตนชื่อสารีบุตรเถรเจ้าก็หื้อบังเกิดกถาคำจาว่า ดูกรามหาสารีบุตรเถรเจ้าชื่อดังรือชารือหื้อประทีปเป็นทานด้วยสัทธานี้มีผลดังรือชา ตทาในกล่ากาลนั้นพระพุทธเจ้าอยู่ในวรคันธกุฎีได้ยินคำจาแห่งเจ้าภิกขุทังหลายด้วยทิพยโสตาวิญาณ ก็เสด็จลีลาไปสู่สักกสาลา ก็ถามว่าดูกราสารีบุตรท่านทังหลายมานั่งพร้อมกันด้วยคำเยื่องใดชา มหาเถรเจ้าก็ถามไหว้ว่าผู้ข้าทังหลายพร้อมกันมีดังนี้แลว่าสัฏฐาพระพุทธเจ้าจิ่งว่า ดูกราสารีบุตรบุคลยิงชายก็ดี ภิกขุก็ดี ท้าวพระยา คนทุกข์ไร้เข็นใจก็ดี ประกอบด้วยสัทธาตามประทีปบูชาพระเจ้าแลพระสัทธรรมเจ้าแลพระสังฆะเจ้าแลเจติยะเจ้าแลดั่งอั้น บุคลยิงชายทังหลายฝูงนั้นก็จักได้เถิงธรรมะอันยิ่ง ในสำนักพระพุทธเจ้าแลพระเมตไตยสัมมาสัมพุทธเจ้าแล มีคำอันชมชื่นยินดีมีประสาทเลื่อมใสก็ได้ไปเกิดในเทวโลกก็ได้เป็นกับด้วยบุญผลเหตุอันได้ตามประทีปบูชาพระเจ้าแลแก้วทังสามดังอั้นก็ย่อมได้เกิดมาในตระกูลแลพราหมณ์ตระกูล มีเข้าของมากนัก คันว่าเกิดมาในเมืองคน ก็เป็นชายผู้ประเสริฐ ก็บ่ห่อนเป็นพยาธิแลหาคำทุกข์ไร้เข็นใจบ่ได้สักเทื่อแล ก็ด้วยผลบุญอันได้ตามประทีปบูชาแก้วทังสามนั้นแล บุคคลผู้ใดได้ตามประทีปบูชาแก้วทังสามนั้น ก็บ่ห่อนได้เกิดในท้องข้ายิงท่านแลเป็นจัณฑลบ่ได้เกิดในนรกแลตระกูลอันถ่อย เทียนได้เมือเกิดในชั้นฟ้าแลเมืองคน ก็ย่อมได้เป็นใหญ่ในทวีปทังหลาย เป็นจักกวัตติปราบทวีปทังสี่ มีกำลังมากแล ประกอบด้วยแก้วสามประการ แลได้เกิดในวิมานหลังประเสริฐควรชมชื่นยินดี แลได้เกิดเป็นพระยาอินทาก็ได้สามกัป เป็นจันทเทวบุตรก็ได้สามกัป ก็ได้เป็นพระยาประเทศราชก็นับบ่ได้แล คันว่าเมี้ยนอายุตนอันเป็นพระยานั้นแล้ว ก็ได้เมือเกิดในวิมานหลังประเสริฐควรชมชื่นยินดีมากนัก ก็ด้วยอานิสงส์อันได้ตามประทีปบูชาแก้วทังสามประการนั้นแล บุคคลผู้ใดได้ตามประทีปบูชาแก้วทังสามนั้น ก็ได้ไปเกิดในเทวโลก อันเต็มไปด้วยนางฟ้าทังหลายหากแวดล้อมเป็นบริวารแลตีตุริยะนนตรีทังหลายสงเสพบูชาทุกเมื่อแล คันจุติตายจากเทวโลกก็ได้มาเกิดในชมพูทวีปอันเต็มไปด้วยเสื้อผ้าเครื่องประดับต่างๆ แลเครื่องบริโภคมีสี่จำพวก คือว่า ช้าง ม้า แก้ว รถ ควาย มากนักแล ข้าวของทังมวลย่อมเกิดตามได้สุข อันว่าทุกข์ก็บ่ห่อนเกิดมีสักเทื่อแล อันหนึ่งก็บ่ได้ไปสู่ทุคติสักเทื่อแลเทียนย่อมอุดมยิ่งกว่าคนทังหลาย ก็ด้วยผลอานิสงส์อันได้ตามประทีปบูชาแก้วทังสามนั้นแล ประกอบด้วยผิวพรรณวรรณะเป็นดั่งคำ มีตนอันบริสุทธิ์หมดใส เป็นดั่งสุริยอาทิตย์ยิ่ง อาทิตย์อันปราศจากกีบฝ้าเมฆมหามลทินบ่ได้นั้นแล บุคคลผู้นั้นเกิดมาภาวชาติอันใดย่อมมีประญาเฉลียวฉลาดกล้าหาญ บ่เกรงขามตามคำมักคำปราถนาทังมวล ย่อมเต็มงามเป็นพระจันทร์เพ็งนั้นแล แม้นปราถนาเป็นพระเจ้าก็ดี เป็นพระปัจเจกเจ้าก็ดี เป็นสาวกตนมีฤทธีตนใดตนหนึ่ง ก็สมดังคำมักคำปราถนาทังมวล ก็ย่อมได้ตามคำมักทังมวลแล บุคคลผู้นั้นปราศจากพยาธิทังมวล ก็คลาดจากตนไปคือ เจ็บตามแลปวดท้อง โศกทุกข์ร้อนใจทังมวลก็บ่เกิดมีสักอันแล เครื่องปรากฏเป็นดั่งมีตาได้พันดวงนั้นด้วยผลอันได้ตามประทีปบูชาแก้วทังสามประการนั้นแล สัตถาอันว่าสัพพัญญูพระพุทธเจ้ากล่าวว่า ภิกขเวดูราภิกขุทังหลาย ชื่ออันว่าตามประทีปบูชานั้นก็มีผลมากนักแล เทสนาวสาเนในเมื่อแล้ว ธรรมเทสนาพระพุทธเจ้าอันนี้แก่เจ้าทังหลาย ลางพร่องก็ได้ตั้งอยู่ในโสดา พร่องก็ตั้งอยู่สักกิทาคา อรหันตา ตามบุญสมพารอันตนได้กตาธิการมากนักหั้นแล สหสติงปทานังสังสานิตถิตา กล่างหองบูชาประทีปเท่านี้ก่อนแล
เสด็จแล้วยามแตรขึ้นสู่เที่ยงสมิงกินทอนแลเจ้าเฮย ข้าขอเอาติวิธสุขสามประการมีนิพพานเป็นยอดแท้ดีหลี ซาวพระวัสสาหื้อตาแจ้งหูแจ้งมีประญาปัญญาก้ำปราถนาแห่งผู้ข้าแท้ดีหลีเทอะ กรรณิกาหนองม่วง
พ่อหนานกาแต้มค้ำชูพุทธสาสนาห้าพันพระวัสสา ขอหื้อมีอายุหมั้นยืนยาวสองร้อย